Hi, Welcome to my blog, enjoy reading.
RSS

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทำไงดี หากมีเพื่อนร่วมงานแย่ๆ



ทำไงดีหากมีเพื่อนร่วมงานแย่ๆ (ไทยรัฐ)

เมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้คนมากหน้าหลายตา ก็ย่อมมีบ้างแหละที่ต้องเจอกับเพื่อนร่วมงานที่มีทั้งดีและไม่ดีคละเคล้ากัน ไป แล้วคิดดูสิว่ามนุษย์นั้นไซร้มีหลายประเภทและหลายจำพวกจะตาย หากใครมีเพื่อนร่วมงานดีก็รอดตัวไป เพราะเชื่อเลยว่า เค้าจะทำตัวเป็นเพื่อนทั้งในยามทุกข์และยามสุขให้แก่คุณได้แน่ๆ ส่วนเพื่อนร่วมงานที่แย่ๆ ก็รีบถอยห่างออกมาจากพวกเค้าดีกว่าไหม?

งั้น เรามาดูสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดปัญหากับเพื่อนร่วมงานได้ แล้วมาหาทางแก้ไขกันเถอะ ดังนี้

1. เจอเพื่อนร่วมงานที่เอา แต่พูดโทรศัพท์ส่วนตัวทั้งวี่ทั้งวัน

โอ๊ย ไอ้เรื่องพูดคุยทางโทรศัพท์ส่วนตัวน่ะ ใครๆ เค้าก็ทำกันทั้งนั้นแหละ แต่ควรมีขอบเขตของการคุยโทรศัพท์มั่งสิจ๊ะ ไม่ใช่คุยโทรศัพท์ทีนานเป็นชาติ แถมยังส่งเสียงไปรบกวนสมาธิชาวบ้านอีก ฉะนั้น ถ้าเผื่อคุณมีเพื่อนร่วมงานที่ชอบจี๋จ๋ากะแฟน หรือกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ของการทะเลาะเบาะแว้งกันตามประสาคู่รักคู่กัดละก็ ถ้าคุณอยากตัดรำคาญจากเสียงพูดคุยของพวกเค้า คงต้องหาฉากมากั้นซะแล้วล่ะ เพื่อว่าเสียงของพวกเค้าจะได้ไม่มาทำให้คุณเสียสมาธิตามไปด้วยไง

2. ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานนินทาคุณล่ะ

ฮ้า ถ้าขืนมีเพื่อนร่วมงานที่ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่นจนคุณเองก็เคยตกเป็นเหยื่อมา แล้ว หากเค้าเม้าท์ถึงคุณไปในทางเสียๆ หายๆ และไม่เป็นความจริงเอาซะเลยละก็ มีทางเลือกให้คุณได้จัดการกับพวกช่างเม้าท์ปากร้ายและใจร้ายเหล่านี้ ด้วยการ…

- แก้ข่าวที่ไม่เป็นธรรมสำหรับคุณซะ เพราะมีนะ ที่ผู้ฟังบางคนหลงเชื่อขี้ปากที่ว่ากล่าวคุณอย่างไม่เป็นธรรม แถมเข้าใจคุณผิดจากขาวเป็นดำไปเลยก็ได้ คุณจึงต้องพึ่งพาตัวเองด้วยการแก้ข่าวที่ผิดๆ ให้มันถูกต้องซะ หรือ..

- เดินเข้าไปหาเพื่อนร่วมงานที่นินทาคุณซะเลย แล้วถามเค้าตรงๆว่า มีเรื่องไม่พอใจอะไรชั้นรึ ถึงต้องปั้นเรื่องเท็จเกี่ยวกับชั้นแล้วเอาไปพูดให้ชาวบ้านชาวช่องเค้าเข้า ใจผิดน่ะ… นี่แน่ะ ให้เจ้าเพื่อนร่วมงานตัวแสบเจอสไตล์ขวานผ่าซากแบบนี้มั่งก็ดี จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่า ทำไมเค้าต้องปั้นน้ำเป็นตัว แล้วเอาข้อมูลผิดๆ มานินทาคนอื่นด้วย ปากแบบนี้ระวังตกนรกนะเฟ้ย

3. ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานช่างติ

ตินั่น ตินี่ ติโน่น อะไรนิดอะไรหน่อยก็เอ่ยปากว่าขึ้นมาแล้ว แถมไม่ใช่การติเพื่อก่อ แต่เป็นการติเพื่อทำลายน้ำใจกันมากกว่าละก็ หยั่งงี้ หาทางหลีกเลี่ยงอย่ามายุ่งเกี่ยวกันซะดีกว่า แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ แถมเค้ายังชอบพูดประชดประชัน ประเภทติเพื่อทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อย หรือถูกดูถูกดูแคลนคุณละก็ สักวันคุณก็พูดสวนเค้ากลับไปสิว่า ให้ส่องกระจกมองดูตัวเองก่อนที่จะติเตียนคนอื่นเถอะ! จะได้รู้เซี้ยะมั่ง ว่าเค้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าชาวบ้านนักหรอก ดังนั้น เมื่อเราทำงานร่วมกะใคร ทางที่ดีควรถนอมน้ำใจกันไว้ดีกว่า ขยันสะสมมิตร ดีกว่าสร้างศัตรูนะฮ้า




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

ขอบเขต.. ที่จะรักได้




ความรักที่เกิดขึ้น . . .
ท่ามกลางความเหงานั้น เกิดขึ้นได้ง่าย
แต่การจะสานความรักต่อ. . .
ให้ยืนยาวได้นั้น เป็นเรื่องยาก

ความเหงานั้น . . . มันโดดเดี่ยว
เปลี่ยนคนอ่อนไหว . . .
ให้กลายเป็นคนอ่อนแอได้
จนบางครั้ง . . .ต้องพยายามหาที่ยึดหัวใจ
ไม่ให้เคว้ง ไปตามแรงกระทบของชีวิต

และบางครั้ง . . .
ก็อาจเผลอ ไปยึดใครสักคน. . .ที่ไม่อาจจะยึดได้
เพราะเหตุผล แห่งความเป็นไปไม่ได้ ร้อยพันประการ . . .

แต่ . . . เมื่อความรักได้เกิดขึ้นมาแล้ว
ไม่ว่าจะอยู่ร่วมได้ หรือไม่ . . .
มีสิทธิ์ครอบครอง หรือไม่ . . .
ก็ไม่อาจที่จะ . . . ห้ามไม่ให้รู้สึกรักได้
เมื่อในที่สุดแล้ว . . .ห้ามไม่ได้
ก็อาจจะมีอีก ทางเลือกคือ . . .
การปล่อยหัวใจให้ได้ รั ก

แต่ . . .
ต้องหาที่ยืน ที่เหมาะสมให้กับตัวเอง
หาบริเวณ ให้ตัวเองให้ได้
และหักห้ามใจไม่ให้เตลิดก้าวไปไกล
จากที่ที่ตัวเองต้องอยู่ . . .

นอกจาก . . .กล้าที่จะยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
ก็ต้องกล้าที่จะเชื่อมั่นว่า . . .
เราต้องยืนอยู่ตรงนั้นให้ได้
และต้องไม่ไปไกลกว่านี้ . . .
อยากอยู่ตรงไหนก็ได้ . . .
แต่ต้องอยู่ในขอบเขต รักได้เท่านั้น
อย่า! ไปเผลอทำร้ายใครให้เจ็บปวด . .


จาก.....http://variety.teenee.com/foodforbrain/23523.html

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

เตือนอันตราย ฝนกรด!!

..........หลากผลกระทบต่อมนุษย์...สิ่งแวดล้อม



แม้ตอนนี้พื้นที่โดยรอบเมืองหลวง จะเริ่มมีลมหนาวพัดผ่านมาให้สดชื่นเย็นใจ ทั้งในยามเช้ามืด และพลบค่ำ... แต่ตามภาคต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคใต้ของประเทศยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง สร้างความชุ่มฉ่ำให้ทั้งผืนดิน และผู้คน ที่สัญจรไปมา

ยามฝนตกคราใด ภาพกิจกรรมที่เรามักจะพบเห็น จนชินตาย้อนไปสมัยเมื่อสิบปียี่สิบปีก่อน นอกจากการวิ่งเล่นน้ำฝนอย่างสนุกสนานของเด็ก ๆ แล้ว คงหนีไม่พ้นภาพของพ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา พากันเตรียมโอ่ง เตรียมกะละมังเพื่อคอยรองน้ำฝนเก็บไว้ใช้อุปโภคบริโภค ซึ่งแน่นอนว่า น้ำฝนที่รองได้ ยิ่งเก็บไว้นานวัน เมื่อลองตักมาชิมดู จะมีรสชาติหวาน ดื่มแล้วชื่นใจ...

แต่ปัจจุบัน ด้วยความแปรเปลี่ยนสภาวะสิ่งแวดล้อม การเพิ่มขึ้นของภาวะมลพิษในอากาศทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “ฝนกรด” ขึ้นซึ่งคำคำนี้หลายคนคงเคยได้ยินและทราบกันมาบ้างแล้ว ว่าเกิดจากสาเหตุใดรวมทั้งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของเราอย่างไร บ้าง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายัง มีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบถึงวิธีป้องกันแก้ไขภาวะฝนกรดว่าจะทำได้อย่างไร...??

ศากุน เอี่ยมศิลา นักวิชาการสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญกองสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้ความรู้ว่า ปกติแล้วฝนที่ตกลงมาจะมีสภาพความเป็นกรดอ่อน ๆ เล็กน้อยอยู่แล้วซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายต่อมนุษย์มากนัก โดยจะมีค่าความเป็นกรด-ด่างหรือค่าพีเอช (ph) ประมาณ 5.6 ถือเป็นตัวเลขมาตรฐานของน้ำฝน





แต่สาเหตุที่ทำให้เกิด “ฝนกรด” (Acid Rain) คือ การที่มีแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมากมาย ตามท้องถนนมีรถจำนวนมากจอดติดสัญญาณไฟจราจรก่อให้เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงเครื่องยนต์และโรงงานต่าง ๆ มีการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ได ออกไซด์ และก๊าซออกไซด์ ของไนโตรเจน เข้าสู่ชั้นบรรยากาศจำนวนมากกลายเป็นกรดซัลฟิวริก และกรดไนตริก ประกอบกับมีตึกสูง บ้านช่องเรียงรายแออัดบดบังอากาศทำให้ไม่มีอากาศถ่ายเท เมื่อฝนตกลงมาสารพิษเหล่านี้จะรวมตัวกันกลายเป็นฝนกรดที่มีค่าพีเอชต่ำกว่า 4 และ ตกลงมายังผิวโลกกลายเป็นฝนกรด โดยก๊าซออกไซด์ของซัลเฟอร์และก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน ส่วนใหญ่ถูกปล่อยออกสู่บรรยากาศจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลประเภทต่าง ๆ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงานมาให้มนุษย์ใช้ในทุกวันนี้

จากข้อมูลการสำรวจพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยของกรมควบคุมมลพิษในปี 2548 พบว่า พื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดฝนกรดนั้นต้องเป็นพื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมและการจราจรหนาแน่น ซึ่งตามต่างจังหวัดนั้นส่วนใหญ่จะมีค่าไม่เกินกว่าที่กำหนดจึงไม่มีปัญหาเรื่องฝนกรด แต่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครซึ่งมีจำนวนรถมาก มีตึกสูง อากาศถ่ายเทไม่สะดวก จากการวัดค่าพีเอชสามารถวัดได้ 4.9 และทำให้มีแนวโน้มเกิดฝนกรดมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการเกิดฝนกรดตลอดเวลาแต่มักเกิดเป็นบางช่วงบางเวลา ถ้าช่วงเวลาใดมีลมพัดผ่านอากาศถ่ายเทสะดวกก็จะทำให้เจือจางลง แต่หากช่วงเวลาใดมีสภาวะอย่างที่กล่าวมาข้างต้นก็จะทำให้เกิดฝนกรดได้

ฝนกรดจากมลพิษในอากาศอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนผิวหนังบอบบางเมื่อโดนฝนกรดเล็กน้อยก็จะเกิดอาการแพ้หรือเกิดผื่นคันและถ้ามีความเป็นกรดสูงจะมีผลทำให้ผิวหนังส่วนที่บอบบางที่สุดเกิดการระคายเคือง เช่น ตามเนื้อเยื่ออ่อน ๆ เปลือกตา ทำให้มีอาการแสบตาและคันตามผิวหนัง ซึ่งการเกิดฝนกรดนี้มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์น้อยมาก แต่สิ่งที่ได้ รับผลกระทบจริง ๆ คือ ดิน พืชไร่ แหล่งน้ำ ต้นไม้ สัตว์น้ำและที่อยู่อาศัยของมนุษย์





ผลกระทบที่มีต่อดิน ก็คือ ฝนกรดจะไปทำการชะล้างละลายปุ๋ยและสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชออกไป ทำให้มีการเจริญเติบโตช้าและแห้งกรอบล้ม ตายในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังไปละลายสารพิษที่อยู่ในดิน เช่น อะลูมิเนียมและปรอทไหลลงสู่แหล่งน้ำก่อให้เกิดอันตรายต่อสัตว์น้ำที่อยู่อาศัยในน้ำ ทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้จึงเกิดการล้มตายและถือเป็นการทำลายระบบนิเวศในน้ำด้วย

ส่วนผลกระทบต่อต้นไม้ ที่นอกจากสารอาหารในดินจะถูกชะล้างไปแล้วฝนกรดยังเป็นอันตรายต่อใบ ของพืช โดยจะถูกกัดกร่อนใบ ทำให้เป็นรูโหว่ จนขาดความสามารถในการผลิตอาหารจากการสังเคราะห์ด้วยแสงและมีเชื้อโรคต่าง ๆ ผ่านเข้า ทางแผลของใบ ทำให้ต้นไม้อ่อนแอและล้มตายในที่สุด สำหรับผลกระทบที่มีต่อสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ สิ่งที่ตามมาคือ ปัญหาเกิดปลวกขึ้นตามไม้จากสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ ฝนกรดอาจสร้างความรุนแรงต่อสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ โดยสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ ปูนที่ถูกฝนกรดจะละลายออกมาทำให้เกิดความเสียหายจนบางครั้งไม่สามารถซ่อมแซมได้และสุดท้าย ผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์จะรุนแรงในด้านทางเดินหายใจ โดยในอากาศ กรดเหล่านี้อาจไปรวมตัวกับสารเคมีอื่น ๆ ก่อให้เกิดหมอกควันที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและทำให้หายใจลำบาก โดยเฉพาะกับคนที่เป็นโรคหอบหืด หรือโรคทางเดินหายใจอยู่แล้ว

เราสามารถสังเกตฝนกรดด้วยวิธีง่าย ๆ โดยการ ปีนขึ้นไปดูหลังคาบ้านแล้วเปรียบเทียบกับหลังคาบ้านเขตอื่น ๆ หากฝนมีกรดมากสารพิษจะกัดกร่อนให้หลังคาบ้านผุและพังเร็ว เช่น บ้านที่อยู่ใกล้เขตอุตสาหกรรมหลังคาจะมีการผุเร็วกว่าที่อื่นและหากเราจะดื่มน้ำฝนควรหลีกเลี่ยงน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ที่มีแหล่งอุตสาหกรรมหรือในเมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ไม่ควรรองน้ำฝนมาดื่มกิน ซึ่งในปัจจุบันมีน้ำประปาสามารถดื่มกินได้แล้ว ควรจะดื่มน้ำประปาจะดีกว่า แต่ถ้าต้องการดื่มต้องรอให้ฝนตกหนักประมาณ 3-4 วันติดต่อกันเสียก่อนแล้วจึงค่อยกรองน้ำฝนมาดื่มกินเพราะฝนที่ตกลงมาวันแรกยังมีสารพิษเจือปนอยู่
อ่านต่อ...

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สูตรในการทำมาม่าให้อร่อย > สูตรมาม่า

[ สูตรที่ 1 > ไข่แดงพิโรธ !! (7 - 10 บาท)
อุปกรณ์ได้แก่ มาม่าหมูสับ 1 ซอง , ไข่ 1 ฟอง , พริกป่น , น้ำปลา

1. เทมาม่าลงไปในถ้วย เทน้ำตาม (ปริ่มมาม่า) ตอกไข่ลงไป
2. ยัดเข้าไมโครเวฟ ตั้งความร้อน 100c ระยะเวลา 3.50 นาที
3. รอจนเสร็จ ใส่เครื่องปรุงที่แถมมา และน้ำปลา พริกป่นตามใจ


Reaction :
" ไข่แดงพิโรธ !! คือการหลอมรวมอย่างลงตัวของโปรตีนและแป้ง
ไข่ขาวเป็นก้อนนิ่ม ๆ เหมือนเจลลี่ ส่วนไข่แดงก็ละม้ายคล้ายปีโป้
รสชาดที่ได้ คือความธรรมดา ๆ ในรูปแบบของสูงสุดคืนสู่สามัญ...
เรียบง่าย แต่ได้ใจ... "




[ สูตรที่ 2 > สามแม่ครัวร้อนรัก !! ( 15 - 20 บาท )
อุปกรณ์ได้แก่ มาม่าต้มยำกุ้ง 1 ซอง , ปลากระป๋อง , มะนาว , น้ำปลา

1. เทมาม่าลงไปในถ้วย เทน้ำตาม(ปริ่มมาม่า) เทปลากระป๋องลงไป
1.1. ปลากระป๋องไม่ควรเทหมด คัดเอาเฉพาะที่พอกิน
1.2. ไม่ควรเทน้ำปลากระป๋องลงไปหมด เพราะจะเลี่ยนจนทานไม่ลง
2. ยัดเข้าไมโครเวฟ ตั้งความร้อน 80c ระยะเวลา 3.00 นาที
3. รอจนเสร็จ ใส่เครื่องปรุงที่แถมมา น้ำปลา และมะนาว(เยอะหน่อยก็ดี)


Reaction :
" สามแม่ครัวร้อนรัก !! คือสูตรลับเฉพาะของพวกที่มีวัตถุดิบเหลือ ประมาณว่าที่บ้านรับบริจาคข้าวสารอาหารแห้งมา แล้วอยากลองทำ ต้องกะแต่เพียงพอดี ไม่มากและไม่น้อยเกินไป มิเช่นนั้นจะไม่น่ากินหากมากไปก็จะทำให้เลี่ยน เพราะน้ำมันในปลากระป๋อง นั่นทำให้มันแย่ ส่วนผสมของปลากระป๋องกับมาม่า นั่นคล้ายกับสามแม่ครัวกำลังสวิงกิ้ง
คลุกเคล้าความเป็นต้มยำกุ้ง ( แต่ไม่มีตังค์ซื้อกุ้งมาใส่ ) เรียกได้ว่า...อร่อยร้อนแรง...แต่แฝงไว้ด้วยความสุข( ส่วนตัว) "




คำเตือน :
" ปลากระป๋องใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้...แล้วแต่คนจะชอบนะ "


สูตรที่ 3 > ยาจกพิโรธ !! ( 5 บาท )
อุปกรณ์ได้แก่ มาม่าหมูสับ 1 ซอง , ซอสพริก ( แบบขวดหรือแบบแถม )

1. เทมาม่าลงไปในถ้วย เทน้ำตาม(ปริ่มมาม่า)
2. ยัดเข้าไมโครเวฟ ตั้งความร้อน 80c ระยะเวลา 2.30 นาที
3. รอจนเสร็จ ใส่เครื่อง และซอสพริกลงไป ตามลำดับความข้นแค้น



Reaction :
" ยาจกพิโรธ !! คือสูตรง่าย ๆ ที่ทำให้คุณเสพซึ้งถึงความร้อนแรงได้
โดยเฉพาะเวลาคุณมีซอสพริกที่แถมมากับข้าวไข่เจียว หรือหอยทอด
เหลืออยู่เต็มบ้าน ไม่รู้จะจัดการอย่างไร วิธีนี้ช่วยคุณได้อย่างมากแน่
ด้วยราคาที่ประหยัดสุด ๆ แถมเป็นการรีไซเคิลวัตถุดิบที่เหลือใช้....
จึงเรียกได้ว่าเป็นสูตรสำหรับคนยากจนผู้ตระหนี่อย่าง แท้จริง... "

คำเตือน :
" หากใส่หยาดน้ำตาแห่งความอาภัพลงไปด้วย จะอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ


[ สูตรที่ 4 > ไฮโซบ้านนอก !! ( 20 - 100 บาท )
อุปกรณ์ได้แก่ มาม่าหมูสับ 1 ซอง , หมูยอ , แหนม , ปูอัด , ไส้กรอก, ผักนานาชนิด , มะนาว , น้ำปลา , ซีอิ๊วขาว , น้ำมันหอย

1. เทมาม่าลงไปในถ้วย เทน้ำตาม(ท่วมมาม่า)
1.1. เทอาหารประเภทเนื้อลงไป รวยมากใส่มาก รวยน้อยใส่น้อย
2. ยัดเข้าไมโครเวฟ ตั้งความร้อน 80c ระยะเวลา 3.00 นาที
3. รอจนเสร็จ ใส่เครื่องปรุงที่แถมมา บวกผักนานาชนิด
3.1. เครื่องปรุงที่เหลือใส่ตามระดับความ "เค็ม"



Reaction :
" ไฮโซบ้านนอก !! คือสูตรลับเฉพาะของคนในแวดวงคุณหญิงคุณชาย
ที่มีเครื่องเพชรเต็มบ้าน แต่ยังคงความประหยัด อยากกินมาม่าแบบไฮโซ
เพราะฉะนั้นส่วนประกอบจึงอลังการดาวล้านดวง มากกว่ามาม่าโลโซทั่วไป
สารอาหารที่ครบครัน ช่วยเสริมสร้างบารมีแห่งความอวบเข้าไปในทรวดทรง
เป็นไฮโซแต่แฝงไว้ด้วยความบ้านนอกอย่างทัดเทียม... "

คำเตือน :
" ด้วยราคาประมาณนี้...แนะนำให้ไปกินอาหารตามสั่ง ดูจะฉลาดกว่า "
[ สูตรที่ 5 > บาร์เทนเดอร์รำลึก !! ( 5 บาท )
อุปกรณ์ได้แก่ มาม่าต้มยำ 1 ซอง

1. แกะซองออก เอาเครื่องปรุงออกมา เอามือบีบให้เส้นละเอียด
2. เทเครื่องปรุงลงไปในซอง เริ่มจากน้ำมัน และพริกตาม
3. เขย่าอีกกี่ครั้ง ก็แล้วแต่ความพอใจ ( ยิ่งมากยิ่งดี )



Reaction :
" บาร์เทนเดอร์รำลึก !! คืออารมณ์ของการย้อนกลับไปเป็นเด็กวัยขบเผาะ
ลองนึกถึงตอนที่คุณไปเข้าค่ายสิ ไม่ว่าจะลูกเสือ เนตรนารี หรือ ร.ด.
เป็นสูตรที่เรียกได้ว่า " สากลโลก " ไม่ว่าใครก็ต้องเคยลองกันมาแล้ว
นอกจากจะได้อรรถรสในรสชาดแล้ว ยังได้ออกกำลังไปในตัวด้วย...
ยิ่งเขย่ามากเท่าไหร่ ยิ่งแข็งแรงเท่านั้น...ประโยชน์รอบด้านจริง ๆ ...
และที่สำคัญมันสามารถนำไปเป็นกับแกล้มในวงสุราได้อีก ด้วยนะเนี่ย
...ยกเว้นก็แต่โรคกระเพาะจะถามนั่นแหละ... "

คำเตือน :
" ตอนกินควรกินด้วยกันหลาย ๆ คน...เพื่อเข้าสู่ Mode ระลึกชาติ





[ สูตรที่ 6 > มาม่า GMO !! ( 5 บาท )
อุปกรณ์ได้แก่ มาม่าต้มยำ 1 ซอง , มะนาว , น้ำปลา , กุ้งแห้ง
ผักชี , คื่นช่าย , หรืออะไรก็ตามที่เขาใส่ในข้าวต้มหมู...
ข้าวสวย 1 ป๊าบ ( เอ่อ...มันคือช้อนใหญ่ ๆ ผมเรียกไม่ถูก ^ ^" )

1. เทข้าวสวยลงไปในถ้วย เทมาม่าและน้ำตาม(ปริ่มมาม่า) พร้อมกุ้งแห้ง
2. ยัดเข้าไมโครเวฟ ตั้งความร้อน 80c ระยะเวลา 3.00 นาที
3. รอจนเสร็จ ใส่เครื่องที่แถมมาลงไป นอกนั้นใส่ตามความต้องการ

Reaction :
" มาม่า GMO !! คือการดัดแปลงพันธุกรรมของมาม่า โดยนักโภชนาการ
ผลที่ได้คือส่วนผสมของมาม่าและข้าวต้ม เป็นลูกครึ่งข้ามขีดทางสายพันธุ์
ประมาณว่าได้อรรถรสในต้มยำของมาม่า และเมล็ดข้าวต้มที่ชอนไชผ่านลิ้น
ส่วนผสมดังกล่าวนี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายแต ่อย่างใด...
และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับพวกที่ชอบหุงข้าวเหลื อนะครับ "

คำเตือน :
" โปรดระวังกลุ่มกรีนพีช จะมาประท้วงที่หน้าบ้าน………"

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หอมแดงกลิ่นฉุน มากสรรพคุณ...รักษาสิว


ถ้าพูดถึง “หอมแดง” หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงเครื่องปรุงที่ช่วยดับกลิ่นคาวและเพิ่มรสชาติให้อาหารชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไข่ลูกเขย ต้มโคล้ง แกงเลียง ต้มยำ ฯลฯ แต่คุณทราบหรือไม่ว่า หอมแดง นั้นนอกจากจะนำมาปรุงในอาหารแล้วยังมี ประโยชน์อีกมากมายโดยเคล็ดลับสุขภาพดีวันนี้จะพาคุณไปทำความ รู้จักกับประโยชน์ของหอมแดงในแง่มุมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น

หอมแดงเป็นพืชล้มลุกมีลำต้นหรือมีหัวอยู่ใต้ดิน หัวมีลักษณะกลมสีม่วงอมแดง ประกอบด้วยหัวเล็ก ๆ อยู่รวมกันหลายหัว มีเปลือก บาง ๆ ห่อหุ้มอยู่ภายนอก ใบยาว กลวงออกดอกเป็นช่อ ช่อหนึ่งประกอบด้วยดอกเล็ก ๆ จำนวนมาก ดอกมีสีขาวหรือสีม่วงอ่อน โดย ในหัวหอมมีสารเคมีและสารอาหาร เช่น น้ำมันหอมระเหย ประกอบด้วย ไดอัลลิน ไตรซัลไฟต์ เช่นเดียวกับที่พบในกระเทียม นอกจากนี้ยังมีฟลาโวนอยด์ ไกลโคไซด์ เพคตินและลูโคคินิน ซึ่งสารเหล่านี้ มีคุณสมบัติในการยับยั้งแบคทีเรีย ลดไขมันในเส้นเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ และในหัวหอมยังมีน้ำมันหอมระเหยที่ประกอบด้วยสารกำมะถันและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น เหล็ก แคลเซียมและฟอสฟอรัสในปริมาณสูงช่วยทำให้ความจำดี

สรรพคุณของหอมแดงนั้นยังมีมากมายไม่ว่าจะช่วยทำให้เจริญอาหาร ลดความร้อนในร่างกาย แก้หวัดคัดจมูก ขับลมในลำไส้ แก้ปวดท้อง ท้องอืด โดยแนะนำให้รับประทานแบบหัวแก่จัด นอกจากนี้น้ำมันในหัวหอมยังใช้เป็นยาขับประจำเดือน ขับเสมหะ และขับปัสสาวะ สำหรับน้ำหัวหอมนำมาใช้หยอดหูแก้อาการปวดหูและใช้ดมแก้อาการหน้ามืด ตาลาย วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดเป็นลม ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจรวมไปถึงใช้เป็นยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ นอกจากนี้หากนำหัวหอมมาบดผสมเหล้าเล็กน้อยและนำไปทาหรือพอกบริเวณที่เป็นผดผื่นจะช่วยบรรเทาอาการคันได้ และยังสามารถช่วยถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้อีกด้วย

สำหรับสรรพคุณอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่ทราบกัน คือ หัวหอมสามารถนำมา “รักษาสิวและลดรอยด่างดำ” ได้ด้วยวิธีนำหัวหอมแดงที่ล้างสะอาดแล้วมาฝาน ให้เป็นแว่นบาง ๆ ใช้ทา หรือแปะไว้ที่บริเวณที่เป็นสิว ฝ้า หรือ จุดด่างดำ หรือวางแว่นหอมแปะไว้บนรอยบวมจากการบีบสิวหรือรอยด่างดำบนใบหน้า ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ทำเช่นนี้ทุกวันประมาณหนึ่งสัปดาห์ สิว ฝ้า หรือจุดด่างดำจะจางลง หากไม่ใช้วิธีฝานเป็นแว่นสามารถคั้นเอาเฉพาะน้ำของหัวหอมแล้วนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อดับกลิ่นและลดความซ่าที่อาจทำให้แสบผิว จากนั้นนำมาทาเม็ดผดผื่นคันหรือทาใบหน้าก่อนเข้านอนทุกวันจะช่วยฆ่าเชื้อ แบคทีเรียและลดความมันบนใบหน้า จึงไม่ก่อให้เกิดสิว

ส่วนข้อควรระวังในการใช้ประโยชน์ จากน้ำหอมแดงคือ ในหัวหอมแดงจะมีสารกำมะถันซึ่งทำให้แสบตา แสบจมูกและทำให้ผิวหนังมีอาการระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน จึงไม่ควรทาบริเวณจุดที่ใกล้เคียงกับที่กล่าวมา

ใส่แหวนบอกนิสัย

นิ้วโป้ง คุณเป็นคนแปลก ไม่แคร์สังคม และสายตาผู้อื่น เป็นตัวของตัวเอง และเป็นแบบฉบับของตัวเองมากที่สุด (Self...... ว่างั้นเถอะ) มีความเชื่อมั่น และความภูมิใจในตัวเองอยู่ย่างเงียบ ๆ กฎของสังคมไม่สามารถมาทำอะไรคุณได้ ทั้งนี้เป็นเพราะคุณมีความเป็นอิสระซ่อนเร้นอยู่มากม าย ความหลักแหลม ซื่อสัตย์จะช่วยคุณตะลุยฝ่าฟันปัญหาไปค้นหาในสิ่งที่ คุณใฝ่หา และทำให้คุณไม่สนใจอะไรแบบมองผ่าน ความสนใจของคุณจึงมีมากด้วยอารมณ์รุนแรง ความโกรธของคุณรุนแรง กระทั่งสิ่งของเครื่องใช้ที่อยู่ใกล้มืออาจพังพินาศไ ด้ ดังนั้นคุณควรระมัดระวังการใช้อารมณ์ด้านนี้ของคุณให ้ดี


นิ้วชี้ คุณมักจะชอบทำอะไรแปลก ๆ ที่คนทั่วไปเขาไม่ทำกัน มีเสน่ห์บางอย่างในตัวคุณที่ดึงดูดใจผู้ที่มาใกล้ชิด มีแบบฉบับการแต่งตัวเป็นของตัวเอง มีความเชื่อมั่นสูง และไม่จำเป็นที่จะต้องไปวิ่งตามแฟชั่น รักความหรูหราแบบแปลกๆ ไม่เหมือนใคร โปรดปรานเครื่องประดับแปลกๆ หายากไม่ซ้ำใคร ความเฉลียวฉลาดและความสง่างามของคุณนั้น นับว่า เป็นสาวไฮโซทรงเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามอย่างมากมาย มีรสนิยมสูง แต่จงอย่าลืมว่าการชอบของแปลกไม่เหมือนใครของคุณอาจก ลายเป็นจุดอ่อนของคุณได้


นิ้วกลาง คุณเป็นคนที่มีจิตใจรื่นเริงแจ่มใส มีจิตนาการสูงในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ คุณมีบทบาทมากมายในชีวิตบางทีคุณดูเงียบขรึม บางทีคุณก็ดูร่าเริง และในบางครั้งคุณก็จะทำตัวเป็นที่น่าส่งสารของผู้ได้ พบเห็น คุณเป็นคนที่อ่อนโยนและเป็นผู้หญิงที่ขี้อาย ถ่อมตน คุณมักจะประหม่าหรือเคอะเขินเมื่อยู่ใกล้ชายหนุ่ม นิสัยไม่มั่นใจในตัวเอง คุณจึงกลัวไปทุก เรื่อง กลัวว่าจะสวยไม่พอบ้างล่ะ กลัวว่าหุ่นจะไม่ดีบ้างล่ะ กลัวว่าคุณจะไม่ฉลาดพอบ้างล่ะ หนุ่มใดมาจีบคุณต้องสร้างความมั่นใจให้กับคุณโดยการพ ูดซ้ำบ่อยๆ ให้คุณรู้สึกว่าสิ่งที่คุณมีอยู่น่ะ ดีเลิศ วิเศษ หรู คุณเป็นคนที่น่ารักที่สุดในสายตาของผม


นิ้วนาง คุณเป็นคนที่เอาแต่ใจตนเอง หากหนุ่มที่มาใกล้ชิดเสแสร้งเอาอกเอาใจคุณ แต่ไม่ได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา คุณจะเกลียดมากจนไม่อยากจะเจออีกเลย ขณะเดียวกันคุณก็ชอบที่จะเห็นชายหนุ่มที่มาให้ความสน ใจ คุณเป็นคนที่กล้าหาญแต่จะมีอยู่คนหนึ่งที่รู้นิสัยคุ ณจริง ๆ คนที่ใกล้ชิดคุณเท่านั้นที่จะรู้ว่า ภายใต้ความรู้สึกที่เข้มแข็งนั้น คือความบอบบาง คุณเป็นคนที่คุยสนุก การได้โต้เถียงหรือทำตัวเหมือนดื้อรั้น คือความสุขของคุณ คุณอาจจะรู้สึกเหงาหรือไม่มีเพื่อน ถึงแม้คุณจะผิดหวัง อกหัก แต่คุณก็สามารถบอกกับใคร ๆ ได้ว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ลึกๆ แล้วจะปวดร้าวแต่ระยะเวลาไม่นานนัก คุณก็จะกลับมาเฮฮาปาร์ตี้ได้เหมือนเดิม


นิ้วก้อย คุณมักจะตกอยู่ในโลกของความฝันมากกว่าโลกของความเป็น จริง มีนิสัยน่ารัก แต่เก็บกด มักไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของคุณออกมาให้คนอื่นรู้โดย เฉพาะในเรื่องของความรัก (อย่างนี้เรียกว่า... ปากแข็ง) และโดยทั่วไปแล้วคุณมักจะคอยตามอารมณ์ความรู้สึกร่วม ไปด้วยเสมอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นคุณอาจจะร้องไห้เมื่อเพื่อนสนิทของคุณอกหัก หรืออาจจะกระโดดโลดเต้นดีใจเมื่อเพื่อนของคุณมีความส ุขเมื่อพบกับหนุ่มหล่อ คุณเป็นคนที่จิตใจเยือกเย็น พอใจในคนรักของตนเอง ไม่จุกจิกจนน่ารำคาญใจ ผู้ใกล้ชิดหรืออยู่ด้วยก็มักสบายใจ ยามที่ชายหนุ่มคนใดได้มาคุยกับคุณ เขาจะรู้สึกสบายใจ และสนุกสนาน คุณมีคุณสมบัติของลูกผู้หญิงเต็มตัว ลักษณะเด่นของคุณ คือ สามารถทำให้ผู้ชายรู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วมีความสุข เป็นคนที่จริงใจกับความรัก เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยลืมวันสำคัญๆ เลย ลึกๆ แล้ว คุณเป็นคนที่โรแมนติก

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สุภาษิต อังกฤษ-ไทย

1. A bad workman always blames his tools.
คนงานเลวมักตำหนิเครื่องมือของตน

2. Absence makes the heart grow fonder.
ไม่พบกันทำให้หัวใจเกิดรักมากขึ้น

3. Actions speak louder than words.
การกระทำดังกว่าคำพูด

4. Adam's ale is the best brew.
น้ำเปล่าเป็นน้ำที่ดีที่สุด

5. A drowning man will clutch at a straw.
คนกำลังจมน้ำจะคว้าแม้เส้นฟาง

6. A fool and his money are soon parted.
คนโง่กับเงินไม่ช้าก็พลัดพราก

7. A fool believes everything.
คนโง่เชื่อทุกอย่าง

8. A friend in need is a friend indeed.
เพื่อนยามจำเป็นคือเพื่อนแท้

9. A good face is a letter of recommendation.
หน้าตาดีเป็นหนังสือแนะนำตัว

10. A good friend is my nearest relation.
เพื่อนดีเป็นญาติชิดสนิทสุด

11. A liar is worse than a thief.
คนโกหกเลวกว่าหัวขโมย

12. A miss is as good as a mile.
ขาดไปนิดเท่ากับขาดไปไมล์

13. An honest man's word is as good as his bond.
คำพูดของคนซื่อสัตย์ก็ดีเท่ากับคำสัญญาของเขา

14. An hour in the morning is worth two in the evening.
หนึ่งชั่วโมงตอนเช้าเท่ากับสองชั่วโมงตอนค่ำ

15. A penny saved is a penny earned.
ประหยัดสตางค์ก็เท่ากับหาสตางค์ได้

16. Ask a silly question and you'll get a silly answer.
ถามคำถามโง่ ๆ ก็จะได้รับคำตอบโง่ ๆ

17. A still tongue makes a wise head.
ลิ้นที่นิ่งเงียบทำให้หัวฉลาด

18. A trouble shared is a trouble halved.
ปัญหาที่แบ่งปัน เป็นปัญหาที่เหลือครึ่งเดียว

19. A truly great man never puts away the simplicity of a child.
คนที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงไม่เคยละทิ้งความเรียบง่ายของเด็กเลย

20. Attack is the best form of defence.
โจมตีเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดของการป้องกัน

21. Better be a fool than a knave.
เป็นคนโง่ดีกว่าเป็นคนโกง

22. Better be envied than pitied.
ให้เขาอิจฉาดีกว่าให้เขาสงสาร

23. Better be safe than sorry.
ปลอดภัยดีกว่าเสียใจ

24. Better late than never.
มาสายดีกว่าไม่มา

25. Charity begins at home.
ใจบุญสุนทานเริ่มต้นที่บ้าน

26. Civility costs nothing.
ความสุภาพไม่เสียค่าอะไรเลย

27. Do as you would be done by.
ทำอย่างที่อยากได้รับการกระทำตอบ

28. Doing is better than saying.
การกระทำดีกว่าคำพูด

29. Don't meet troubles half-way.
อย่าเผชิญปัญหาแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ

30. Easier said than done.
พูดง่ายกว่าทำ

31. Easy come,easy go.
มาง่ายไปง่าย

32. Eat to live and not live to eat.
กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน

33. Even a worm will turn.
แม้หนอนมันยังสู้

34. Every little helps.
เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วยได้

35. Every man is his own worst enemy.
ทุกคนเป็นศัตรูที่เลวที่สุดของตนเอง

36. Every man to his trade.
(ทุกคนมีความถนัดของตนเอง)

37. Experience is the mother of wisdom.
ประสบการณ์เป็นมารดาของความเฉลียวฉลาด

38. First impressions are the most lasting.
ประทับใจครั้งแรกตรึงตรายาวนานที่สุด

39. Forbidden fruit is sweet.
ผลไม้ต้องห้ามช่างหอมหวาน

40. Forewarned is forearmed.
เตือนล่วงหน้าเท่ากับติดอาวุธไว้ล่วงหน้า

41. From the sublime to the ridiculous is only a step.
จากสูงส่งสู่ต่ำต้อยเพียงก้าวเดียว

42. God helps them that help themself.
พระเจ้าช่วยคนที่ช่วยตนเอง

43. Great oaks from little acorns grow.
ต้นโอ๊คใหญ่เติบโตจากต้นเล็ก

44. Half a loaf is better than no bread.
ขนมปังแข็งเพียงครึ่งก้อนก็ดีกว่าไม่มีเลย

45. He that knows little, often repeats it.
คนรู้น้อยมักพูดซ้ำ ๆ ซาก ๆ

46. He that knows nothing, doubts nothing.
คนที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่สงสัยอะไรเลย

47. Home is where the heart is.
บ้านคือที่ซึ่งดวงใจอาศัยอยู่

48. Hunger is the best sauce.
ความหิวเป็นน้ำจิ้มที่ดีที่สุด

49. If a job's worth doing, it's worth doing well.
ถ้างานควรค่าแก่การทำ ก็ควรทำให้ดี

50. If at first you don't succeed, try, try, try again.
หากครั้งแรกไม่สำเร็จ พยายาม พยายาม พยายามอีกครั้ง

51. If you can't be good, be careful.
ถ้าดีไม่ได้ ก็ขอให้ระมัดระวัง

52. If you want a thing well done, do it yourself.
ถ้าอยากให้งานดี ต้องทำด้วยตนเอง

53. It is easy to be wise after the event.
มันง่ายที่จะฉลาดหลังเหตุการณ์

54. It is no use crying over spilt milk.
ไม่มีประโยชน์ที่จะร้องไห้ถึงนมที่หกไปแล้ว

55. It's too late to shut the stable door after the horse has bolted.
สายเกินไปที่จะปิดประตูคอก หลังจากม้าถูกลักไปแล้ว

56. It takes two to make a quarrel.
ทะเลาะกันต้องมี 2 ฝ่าย

57. Jack of all trades, master of none.
ทำงานหลายอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่าง

58. Keep something for a rainy day.
จงเก็บอะไรไว้เผื่อวันฝนตกบ้าง

59. Knowledge is power.
ความรู้คืออำนาจ

60. Know thyself.
จงรู้จักตัวเอง

61. Live and learn.
จงมีชีวิตและศึกษาเล่าเรียน

62. Love makes the world go round.
ความรักทำให้โลกหมุนไป

63. Manners maketh man.
กิริยามารยาท ทำให้คนเป็นคน

64. Many hands make light work.
หลายมือทำให้งานเบา

65. Moderation in all things.
เดินสายกลางกับทุกสิ่งทุกอย่าง

66. More haste, less speed.
ยิ่งเร่งยิ่งช้า

67. Music is the food of love.
ดนตรีเป็นอาหารแห่งความรัก

68. Never put of till tomorrow what you can do today.
อะไรที่ทำวันนี้ได้ก็อย่าเอาไว้ทำพรุ่งนี้

69. Never too late to learn.
ไม่สายเกินไปที่จะเรียนรู้

70. No love like the first love.
ไม่มีรักใดเหมือนรักแรก

71. No time like the present.
ไม่มีเวลาใดเหมือนปัจจุบัน

72. Opportunity seldom knocks twice.
โอกาสมักไม่มาสองครั้ง

73. Patience is a virtue.
ความอดทนเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง

74. Punctuality is the politeness of princes.
ตรงต่อเวลาเป็นความสุภาพของเจ้าชาย

75. Rome was not built in a day.
กรุงโรมมิได้สร้างเสร็จในวันเดียว

76. The darkest hour is just before the down.
โมงยามที่มืดมิดที่สุดคือช่วงก่อนรุ่งอรุณ

77. The eyes are the window of the soul.
ดวงตาเป็นหน้าต่างของจิตใจ

78. The first step is the hardest.
ก้าวแรกยากที่สุด

79. There is more than one way to skin a cat.
มีมากกว่าหนึ่งวิธีที่จะถลกหนังแมว

80. There's a black sheep in every flock.
มีแกะดำอยู่ในทุกฝูงแกะ

81. There's many a good tune played on an old fiddle.
มีเพลงดี ๆ มากมายที่เล่นบนสายพิณเก่า

82. There's no place like home.
ไม่มีที่ใดเหมือนบ้าน

83. There's nowt so queer as folk.
ม่มีอะไรแปลกประหลาดเท่าผู้คน

84. There will be sleeping enough in the grave.
มีการนอนที่เพียงพอในหลุมศพ

85. Time and tide wait for no man.
เวลาและกระแสน้ำไม่คอยใคร

86. To deceive oneself is very easy.
โกหกตัวเองนั้นง่ายมาก

87. Tomorrow never comes.
พรุ่งนี้ไม่เคยมาถึงเลย

88. Travel broadens the mind.
การเดินทางเปิดใจให้กว้างขึ้น

89. True love never grows old.
รักแท้ไม่เคยแก่ชรา

90. Truth fears no trial.
สัจจะไม่กลัวการพิสูจน์

• Self-conquest is the greats of victory.
การชนะใจตนเอง คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

• So much to do ,so little done.
งานยิ่งทำมากเท่าใด ก็ยิ่งเสร็จน้อยเท่านั้น

• Heaven ne'er helps the men who will not act.
สวรรค์ไม่เคยช่วยบุคคลผู้ซึ่งไม่ทำงาน

• Never give advice unless asked.
อย่าให้คำแนะนำจนกว่าจะถูกขอร้อง

• Nevre give advice in a crowd
อย่าให้คำแนะนำท่ามกลางฝูงชน

• Grey hair is a of age, not of wisdom.
ผมหงอกเป็นสัญญาลักษณ์ของอายุ ไม่ใช่ปัญญา

• Well begun is half done.
เริ่มต้นดีเหมือนงานนั้นเสร็จไปครึ่งหนึ่ง

• A bird in the hand is worth two in the bush.
นกตัวเดียวในมือมีค่าเท่ากับนกสองตัวในพุ่มไม้

• Birds of a faether will flock together.
นกที่มีขนอย่างเดียวกัน ย่อมจะอยู่รวมกัน

• Blood is thicker than water.
เลือดข้นกว่าน้ำ

• Better is half a loaf than no bread.
ขมนปังครึ่งก้อนดีกว่าไม่มีเลย

• While I breathe , I hope.
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ฉันก็ยังมีหวัง

• When tha cat's away the mice will play.
เมื่อแมวไม่อยู่หนูก็ยังคะนอง

• Spare the rod and spoil the child.
ทิ้งไม้เรียวจะทำให้เด็กเสีย

• It is a wise father that know his own child.
พ่อที่ฉลาดเท่านั้นจึงจะรู้จักบุตรของตนดี

• The less men think, the more they talk.
คนที่คิดน้อยมักพูดมาก

• A bad officer is more danggerous than hundred bandits.
เจ้าหน้าที่ชั่วคนเดียว เป็นอันตรายมากกว่าโจร 100 คน

• Disappointment is the nurse of wisdom.
ความผิดหวังเป็นสิ่งค้ำชูสติปัญญา

• No one can disgrace us but ourselves.
ไม่มีใครทำให้เราเสียเกียรติได้ นอกจากตัวเอง